(2)All about the test
(2)All about the test
หลังจากอ่านรอบสอบแล้วมาอ่านวิธีการเตรียมตัวกันต่อเลยค่ะ เราจะแบ่งออกเป็นแต่ละวิชา
The College Panda หรือที่หลาย ๆ คนเรียกว่า panda มีคล้ายกับข้อสอบจริงมากๆๆๆ ไม่ยากเกิน ให้ทำเล่มซ้ายก่อน ที่แบ่งเป็นบท ๆ พอมีพื้นฐานกับเข้าใจว่า concept โจทย์จะเป็นแนวไหนก็เริ่มทำเล่มขวาได้เลย เล่มขวาจะเป็นชุดข้อสอบคล้ายสอบจริง ใหจับเวลาทำทุกครั้ง ช่วงแรก ๆ อาจจะเกิน ไม่เป็นไร พยายามทำไปดูเวลาไป เร่งให้ตัวเองสปีดตลอดเวลา และไม่สะเพร่านะ พอทำเสร็จตรวจดูข้อไหนเราผิด เราผิดเพราะอะไร ผิดบทไหนแล้วให้ไปทำในเล่มซ้ายอีกรอบ บทที่ไม่แน่นก็ลบทำใหม่เลย
ENGLISH
IELTS
สำหรับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะสอบเป็น IELTS academic นะ ถ้าเป็นอีกแบบคือ IELTS general training สอบเพื่อย้ายไปอยู่ที่นู่น
หลัก ๆ แบ่งออกเป็น 4 พาร์ท Listening Reading Writing Speaking
หลัก ๆ แบ่งออกเป็น 4 พาร์ท Listening Reading Writing Speaking
- Listening ฝึกของ cambridge เลย เล่ม10-14 หรือทำ official guide เล่มขาวก้ได้ ฟัง ted talk, bbc daily English, Podcasts ทุกวัน พูดกับเพื่อนภาษาอังกฤษ ฟังเพลงอังกฤษ หาคำศัพท์ใหม่ๆทุกวัน หาจุดผิดในแต่ละครั้งที่ทำ แล้วหาสาเหตุ ถ้าผิด s es ก้ฝึกฟัง podcasts บ่อยๆ ลองบอกว่าคำนี้ลงท้ายด้วย s es มั้ย และดูบริบท ในช่องต้องเปน N or Adj หรืออื่นๆ จะช่วยหาคำที่มันโดดจากประโยคพื้นๆได้
- Reading พาร์ทเติมคำ เราว่าง่ายมาก ส่วนใหญ่คำที่จะเติมนั้น จะ specific ไม่ค่อยซ้ำกับบรรทัดอื่น และคำที่เราเติมจะต้องมาจากในบทความโดยตรง ถ้าเขามี s เราก้ต้องเอา s มาด้วย พาร์ท True False NG ในประโยคที่ให้มาดูรวม ๆ แล้วเหมือนจะถูก แต่มักจะหลอกเราตรง Adverb หรือส่วนขยายเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ในประโยคมีคำว่า every day แต่ในบทความจริงนั้น เขาบอกว่า every other day วันเว้นวัน อะไรแบบนี้ ส่วนพาร์ทจับคู่หัวข้อแต่ละพารากราฟให้อ่านประโยคที่ 1-2 และอ่านประโยคสุดท้าย main idea จะซ่อนอยู่ในนั้น หรือใครหาไม่ค่อยเจอให้ skim หาใจความ อ่านแบบกวาดตาไปเลยทั้งพารากราฟ
- Writing ด้วยความที่ไม่ค่อยเก่งแกรมม่า เลยไม่ค่อยโปรในการเขียนเท่าไหร่ มี2พาร์ท คือ writing task 1 and task 2 แบบ task 2 คร่าว ๆ ให้วางรูปแบบ Intro body1 body2 conclusion ในอินโทรให้เขียนทวนโจทย์ แบบparaphrase เกริ่นๆว่าเราจะเขียนไรไปบ้างในการเขียนของเรา body ให้เราเอาประโยคใจความวางไว้ประโยค 1-2 ส่วนประโยคต่อ ๆ มาเป็นข้อสนับสนุนใจความของเรา conclusion ให้สรุปที่เขียนมา ไม่ควรเกิน 4 ประโยค *ถ้าเขียนไม่ทันแน่ๆ ให้เขียนสรุปก่อน แล้วค่อยไปเติ่มจบส่วนอื่นให้ดีที่สุด เพราะถ้าเราเขียนไม่จบเขาจะหักคะแนนมากกว่าเขียน body ไม่ดี กลับมา task1 เป็นการอธิบายกราฟ หรือรูป ที่เขาให้มาเป็นแนววิชาการและเห็นภาพ พยายามใช้คำหลากหลาย greater larger ใช้ adjective adverb ขยายให้เห็นภาพมากขึ้น
- Speaking ให้ดูตัวอย่างในยูทูป ฝึกพูดหน้ากระจก เราเน้นไปด้านความคล่อง ไหลลื่นมากกว่าคิดมากเรื่องแกรมม่า แต่ก้ควรมีการใช้รุปแบบอื่นนะ เช่น ใช้ perfect tense สำหรับการกระทำที่ใช้เวลา อะไรประมาณนี้ พยายามใช้ idiom และ phrasal verb ใช้คำหลากหลายหาคำศัพท์เพิ่ม และที่สำคัญให้ทำตัว energetic เข้าไว้ เราว่ามันช่วยมากเลยนะ อย่าเพิ่งคิดมากว่าเราพูดผิดไปกี่ครั้งแล้ว แต่สนใจว่าจะพูดอะไรต่อไปเท่านั้น ยิ้มเยอะ ๆ แอคติ้งก้เต็มที่ ใช้มือประกอบคำพูดไปพลาง ๆ
Resources : TED Talk, Podcasts, BBC, CNN, Youtube, จิ้มได้เลย > ieltsspeaking , lefroyee
แนะนำหนังสือ Must do
Official guide เราใช้เล่มนี้ตอนฝึก L ใหม่หมด ปูพื้นฐานใหม่ ฟัง s / es ฟังตัวเลข บลา ๆ
Official Cambridge Guide to IELTS |
Cambridge IELTS academic |
อันนี้เราเชื่อว่าเกือบทุกคนที่สอบต้องเคยทำ มีตั้งแต่เล่ม1-14 แต่แนะนำให้ทำตั้งแต่ 10 ขึ้นไป เพราะก่อนหน้านั้นมันเก่าไปแล้ว ข้างในจะมีอยู่ 4 test โดย 1 test ก็แบ่งเป็น L R W S นั้นเอง
CU-TEP
cu-tep มี 3 พาร์ท Reading Listening Writing ใน Writing เป็นข้อสอบ error ทดสอบแกรมม่าของเรา ส่วนตัวไม่เก่งแกรมม่าเลยไม่ค่อยชอบ ส่วน reading ไม่เหมือนกับ ielts คือข้อสอบตัวนี้ออกแนวที่เราเคยเจอในโรงเรียน พวกคำถามที่ถามว่า คำนี้แปลว่าอะไร main idea ของพารากราฟนี้คืออะไร tone ของบทความนี้ ควรตั้งชื่อบทความนี้ว่าอะไร และ listening น่าจะคล้าย ielts สุดแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นถามตอบสั้น ๆ แต่ละข้อ
แนะนำหนังสือ
MATH
SAT Math
*ตัวนี้ไม่ใช่ SAT subject math Lv.1 นะ อย่าลงผิดเด็ดขาด! อย่างที่บอกตัวนี้จะอยู่ใน SAT ที่แบ่งเป็น verbal และ math เลขตัวนี้ค่อนข้างง่าย เหมือนเลขม.ต้น แต่อย่าสะเพร่าเด็ดขาด แบ่งเป็น 2 พาร์ท พาร์ทแรก no calculator ตามชื่อ ไม่ใช้เครื่องคิดเลข ส่วนใหญ่จะเป็นคิดเลขเร็วไม่ซับซ้อน พาร์ท 2 คือ calculator ใช้เครื่องคิดเลขได้ แต่ไม่จำเป็นต้องใช้ทุกข้อ เดี๋ยวทำไม่ทัน
แนะนำหนังสือ Must do
SAT math Dr.John Chung ส่วนตัวรู้สึกว่าคล้ายข้อสอบจริง อาจจะยากไปบ้าง ข้างในมีสรุปเนื้อหาและแบบฝึกหัดในแต่ละบทเอาไว้ และท้ายเล่มมีชุดข้อสอบอีก 15 ชุด คุ้มมากๆ
อันนี้ก็เป็นของ official ซึ่งคล้ายกับข้อสอบที่สุด เพราะเคยเป็นข้อสอบจริง ดังนั้นมีโอกาสสูงที่จะออกซ้ำดังนั้นไปทำได้เลยย
resource : มีแบบฝึกฟรีใน khan academy หา sat แล้วก้ทำแบบฝึกได้เลย ดีมากๆ ตรงกับชุดจริงเพราะมัน co กับ collegeboard
SAT Subject Math Lv.2
เวลาทำ 1 ชม. 50 ข้อ ใช้เครื่องคิดเลขได้ ทำผิด - 0.25
ใน math lv2 จะมีเนื้อหาเพิ่มมาจาก SAT math หลายหัวข้อ เช่น ภาคตัดกรวย (conic section), trigonometry, permutation and combination, sequences and series, special functions และอีกมากมาย บางหัวข้อจะต่อยอดจากเนื้อหาเดิม เพิ่มความแอดวานซ์ขึ้น ควรจำสูตรต่างๆให้คล่อง เช่นตรีโกณ จำเอกลักษณ์ให้ดีส่วนมากจะให้จัดรูป ถอดรูปง่าย ๆ เรื่องฟังก์ชั่น ให้หา domain range หา odd and even function ส่วนมากคำถามจะไม่ซับซ้อน ใช้สูตรครั้งเดียวออก หรือบางข้อกดเครื่องคิดเลขตรง ๆ ก็ได้คำตอบเหมือนกัน ที่สำคัญระวังโดนโจทย์หลอก ข้อไหนไม่เข้าใจหรืองง ให้รีบข้ามไปทำข้ออื่นก่อน ตัดสินใจให้ดีว่าจะตอบหรือจะเว้น เพราะตอบผิดติดลบ
แนะนำหนังสือ
แนะนำหนังสือ
SAT Math Lv.2 ของ Dr.John Chung ส่วนตัวรู้สึกค่อนข้างตรง 80% ได้ บางส่วนอาจจะยากเกิน หรือเป็นเนื้อหาที่ sat ไม่ออก หนังสือมีแยกเป็นบท ๆ ทำให้ทบทวนเรื่องที่ไม่เข้าใจง่าย และมีชุดข้อสอบ 12 ชุด เฉลยบางข้ออาจจะงง ๆ หน่อย เหมือนเขาใช้สูตรลัดไปเลย
ถ้าอยากฝึกเพิ่มมีสำนักพิมพ์อื่น เช่น princeton, baron, Mcgraw-hill
The official SAT subject test study guide Math Lv.2 ของ college board เหมือนข้อสอบจริงที่สุด มีแบบฝึกให้ 4ชุด พร้อมเฉลย
SCIENCE
SAT Subject Physics
เวลาทำ 1 ชม. 75 ข้อ ใช้เครื่องคิดเลขไม่ได้ ทำผิด - 0.25
ข้อสอบแบ่งเป็น 2 พาร์ท พาร์ทแรก มีประมาณ 12-13 ข้อ เป็นการใช้ช้อยร่วมกัน และสามารถตอบช้อยซ้ำได้ เช่น ข้อ1 A ข้อ2 ก็ตอบ A ซ้ำได้ พาร์ทที่สองเป็นข้อกาปกติ มีช้อย 5 ข้อ
ตัวอย่างพาร์ทแรก
credit : Collegeboard The Official Sat Subject Test Study Guide Physics |
แนะนำหนังสือ
The official SAT subject test study guide Physics ของ college board ควรทำมาก ๆ เพราะเหมือนกับข้อสอบจริงที่สุดแล้ว ในหนังสือมี แบบฝึกให้ 2 ชุด และมีสถิติว่าข้อไหนคนตอบถูกกี่เปอร์เซ็นต์ และเฉลยแบบละเอียดให้
ถ้าอยากฝึกเพิ่มมีสำนักพิมพ์อื่น เช่น princeton, baron, Mcgraw-hill, Dr.Jang, Mc-grawhill
SAT Subject Chemistry
เวลาทำ 1 ชม. 85 ข้อ ใช้เครื่องคิดเลขไม่ได้ ทำผิด - 0.25
ข้อสอบมี 3 พาร์ท พาร์ทแรก เหมือนกับพาร์ทแรกของฟิสิกส์ คือการใช้ช้อยส์ซ้ำ พาร์ทสองเป็นอะไรที่ใหม่ ถ้าคนไม่เคยทำอาจจะงงในห้องสอบได้ คือ 1ข้อ มี 2ประโยค ให้ตอบ True False ของแต่ละประโยค ถ้าทั้ง 2ประโยคตอบ True และเป็นประโยคที่สอดคล้องกัน คือประโยคที่2 เป็นเหตุทำให้เกิดประโยคแรก ต้องตอบ CE ด้วย ดังนั้นข้อนั้นจะตอบ True True CE พาร์ทนี้มีประมาณ 15ข้อ ส่วนพาร์ท3 พาร์ทสุดท้าย เป็นข้อกา 5 ตัวเลือก
แนะนำหนังสือ
ข้อสอบมี 3 พาร์ท พาร์ทแรก เหมือนกับพาร์ทแรกของฟิสิกส์ คือการใช้ช้อยส์ซ้ำ พาร์ทสองเป็นอะไรที่ใหม่ ถ้าคนไม่เคยทำอาจจะงงในห้องสอบได้ คือ 1ข้อ มี 2ประโยค ให้ตอบ True False ของแต่ละประโยค ถ้าทั้ง 2ประโยคตอบ True และเป็นประโยคที่สอดคล้องกัน คือประโยคที่2 เป็นเหตุทำให้เกิดประโยคแรก ต้องตอบ CE ด้วย ดังนั้นข้อนั้นจะตอบ True True CE พาร์ทนี้มีประมาณ 15ข้อ ส่วนพาร์ท3 พาร์ทสุดท้าย เป็นข้อกา 5 ตัวเลือก
แนะนำหนังสือ
The official SAT subject test study guide Chemistry ของ college board |
Tips for studying
เราแนะนำให้อ่านเนื้อหาให้หมดแล้วทำสรุปของตัวเองขึ้นมา หลังจากนั้นค่อยทำแบบฝึกยาว ๆ เลย ทริคในการอ่านคืออ่านซ้ำ เช่น วันนี้เราอ่านถึงบทที่3 พรุ่งนี้ตื่นมาต้องเริ่มอ่านตั้งแต่บทที่ 1 ใหม่ ทุก ๆ ครั้งที่เราอ่าน จะต้องเริ่มที่จุดเริ่มต้นเสมอให้เราได้ทบทวนบทต้น ๆ ด้วย ไม่ใช่ได้หลังแล้วลืมหน้า หลังจากอ่านจบหมดแล้ว ค่อยจด short note ฉบับตัวเองขึ้นมา เนื้อหาตรงไหนซับซ้อน ลองใช้ปากกาสีเขียนแทนสิ่งต่าง ๆ ใช้ตัวย่อที่เราเข้าใจ ex.=ยกตัวอย่าง ก.=การ ค.=ความ หรือวาดรูปแทนการเขียนข้อความ
พยายามจดไม่ให้รกมาก ควรมีพื้นที่โล่งนิดหน่อยในชีทสรุปของเรา
การทำแบบฝึกหัด ช่วยให้เรารู้ว่าจุดอ่อนอยู่บทไหน และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้ได้คะแนนสูง คือเราควรทำคืออ่านย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ บทนั้น อุดจุดบอดของตัวเองไปเรื่อย ๆ จนไม่มีข้อผิดพลาดหรือมีแบบน้อยที่สุด 800 ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
สำหรับใครไม่ชอบการอ่านหนังสือเอง เราแนะนำเรียนที่
ig : raya_academy วิชาคณิตศาสตร์
ig : thepillarsedu เรียนเคมี กับฟิสิกส์
ig : tutor.ie และ ig : ignitebyondemand
ส่วน IELTS เราเรียนกับ newcambridge institute
อีกเรื่องคือการแบ่งเวลาเป็นอะไรที่เน้นมากก work-life balance ให้ดี อ่านหนังสือไม่ให้ดึกเกิน นอนเป็นเวลา กินข้าวให้ครบ 3 มื้อ สารอาหารครบ ส่วนเวลาอ่านหนังสือควรเป็นเวลาไหนดี สำหรับเรา เราชอบอ่านตอนกลางคืน อาบน้ำเสร็จ กินข้าวเย็นเสร็จ อ่านหนังสือสัก 2-3 ชั่วโมง มีพักระหว่างชั่วโมง เช่นกินขนม เล่นโทรศัพท์ ออกไปเดินเล่น แอโรบิกแบบเบา ๆ พักประมาณ 5-10 นาที ก็กลับมาอ่านต่อ พอให้ร่างกายเครื่อนไหวจะได้ตื่นตัว หรือบางคนชอบอ่านตอนเช้าก่อนไปโรงเรียน ก็ทำได้ สมองปลอดโปร่งโล่งสบายดี (ส่วนตัวทำไม่ค่อยบ่อยเพราะตื่นไม่ทัน - -*)
และที่เน้นเลยคือควรตั้ง goal ของแต่ละวันให้ได้ เช่นวันนี้ จะอ่านจบบท 5 ถ้าทำได้ ก็ให้รางวัลตัวเองบ้าง พูดสิ่งที่ดี ๆ กับตัวเอง ชมตัวเองบ้าง ถ้าช่วงนี้กำลังทำแบบฝึกหัด ก็ตั้ง goal ให้ทำ minimum 1 ชุดต่อวัน และไม่ควรหักโหมเกินไป ตั้งให้พอเหมาะพอดีกับเวลาและสภาพตัวเราเอง
พยายามจดไม่ให้รกมาก ควรมีพื้นที่โล่งนิดหน่อยในชีทสรุปของเรา
การทำแบบฝึกหัด ช่วยให้เรารู้ว่าจุดอ่อนอยู่บทไหน และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้ได้คะแนนสูง คือเราควรทำคืออ่านย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ บทนั้น อุดจุดบอดของตัวเองไปเรื่อย ๆ จนไม่มีข้อผิดพลาดหรือมีแบบน้อยที่สุด 800 ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
สำหรับใครไม่ชอบการอ่านหนังสือเอง เราแนะนำเรียนที่
ig : raya_academy วิชาคณิตศาสตร์
ig : thepillarsedu เรียนเคมี กับฟิสิกส์
ig : tutor.ie และ ig : ignitebyondemand
ส่วน IELTS เราเรียนกับ newcambridge institute
อีกเรื่องคือการแบ่งเวลาเป็นอะไรที่เน้นมากก work-life balance ให้ดี อ่านหนังสือไม่ให้ดึกเกิน นอนเป็นเวลา กินข้าวให้ครบ 3 มื้อ สารอาหารครบ ส่วนเวลาอ่านหนังสือควรเป็นเวลาไหนดี สำหรับเรา เราชอบอ่านตอนกลางคืน อาบน้ำเสร็จ กินข้าวเย็นเสร็จ อ่านหนังสือสัก 2-3 ชั่วโมง มีพักระหว่างชั่วโมง เช่นกินขนม เล่นโทรศัพท์ ออกไปเดินเล่น แอโรบิกแบบเบา ๆ พักประมาณ 5-10 นาที ก็กลับมาอ่านต่อ พอให้ร่างกายเครื่อนไหวจะได้ตื่นตัว หรือบางคนชอบอ่านตอนเช้าก่อนไปโรงเรียน ก็ทำได้ สมองปลอดโปร่งโล่งสบายดี (ส่วนตัวทำไม่ค่อยบ่อยเพราะตื่นไม่ทัน - -*)
และที่เน้นเลยคือควรตั้ง goal ของแต่ละวันให้ได้ เช่นวันนี้ จะอ่านจบบท 5 ถ้าทำได้ ก็ให้รางวัลตัวเองบ้าง พูดสิ่งที่ดี ๆ กับตัวเอง ชมตัวเองบ้าง ถ้าช่วงนี้กำลังทำแบบฝึกหัด ก็ตั้ง goal ให้ทำ minimum 1 ชุดต่อวัน และไม่ควรหักโหมเกินไป ตั้งให้พอเหมาะพอดีกับเวลาและสภาพตัวเราเอง
Before test day
อยากให้เน้นเลยคือเรื่องสุขภาพ เพราะเรามีประสบการณ์การสอบเสร็จแอดมิทโรงพยาบาลเลย เกิดจากอาหารเป็นพิษในวันก่อนสอบ พอถึงเช้าวันสอบเรากินอะไรไม่ได้เลย กินข้าวเช้าก็อาเจียนออกมา แม้กระทั้งน้ำยังอาเจียนออกมา สรุปคือรอบนั้นร่างกายเราไม่พร้อมสุด ๆ ถึงแม่จะเตรียมตัวมาดีแค่ไหนแต่พอ วันสอบจริงเกิดป่วยขึ้นมา ความพยายามทั้งหมดก็ศูนย์เปล่า เราเลยอยากให้น้อง ๆ ดูแลสุขภาพให้ดี ทั้งในวันปกติ และวันสำคัญคือวันสอบสอบ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น